1. การมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ Omnichannel
ในปัจจุบันผู้ซื้อต่างคาดหวังประสบการณ์ที่ดีและราบรื่นทั้งช่องทางออนไลน์และจากหน้าร้านค้า เหล่าแบรนด์ CPG จำเป็นที่จะต้องเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรอบด้านและควรโฟกัสให้ถูกจุดเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อรวมถึงการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด
สิ่งนี้จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในปี 2023 เนื่องจากผู้บริโภคจะเริ่มกลับมาซื้อสินค้าจากหน้าร้านค้าอีกครั้งในจำนวนที่มากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อจำกัดในการสวมหน้ากากและการเว้นระยะห่างทางสังคมได้ผ่อนคลายลง
การมีข้อมูลเพื่อติดตามพฤติกรรมการเปลี่ยนแบรนด์/ตราสินค้าของผู้บริโภคนั้นเป็นสิ่งจำเป็น ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวบอกว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อยอดขายในช่องทางต่างๆ อีกทั้งช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สร้างกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นในการดึงดูดเม็ดเงินของผู้ซื้อได้มากขึ้น
การนำกลยุทธ์ Omni มาใช้เพื่อมอบประสบการณ์ที่ไร้ที่ติให้แก่ผู้ใช้งานออนไลน์ทั้งรายเก่าและรายใหม่—ด้วยการสร้าง4าพลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความสอดคล้องกัน, รายการผลิตภัณฑ์ที่ค้นหาได้ง่าย ฯลฯ — ในขณะเดียวกันก็ต้องมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากร้านค้าปลีกเช่นเดียวกัน
2. นำคุณค่ามาสู่ผู้บริโภคด้วยการกำหนดราคาและโปรโมชั่นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้บริโภคต่างกำลังมองหาข้อเสนอต่างๆ รวมถึงสินค้าราคาพิเศษจากแบรนด์ที่พวกเข้าไม่ค่อยได้ซื้อเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ลูกค้าจำนวน 73 เปอร์เซ็นต์ กล่าวว่าพวกเขาใช้วิธีการต่างๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายเช่น กักตุนสินค้าเมื่อมีการลดราคา, การใช้คูปองส่วนลด และมองหาร้านค้าที่มีการขายสินค้าในราคาต่ำกว่าทุน รวมไปถึงการเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ของร้านค้า เป็นต้น
ร้านค้าที่สามารถรักษาลูกค้าไว้ได้ในปี 2022 เลือกที่จะแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและใช้กลยุทธ์การกำหนดราคาสินค้าหลักในราคาต่ำแบบวันต่อวัน เพื่อแข่งขันกับร้านค้าออนไลน์และร้านค้าที่ขายสินค้าในราคาถูกเป็นการเพิ่มโอกาสให้พวกเขาในการขายสินค้าให้ได้มากขึ้น
เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในด้านราคาและเพื่อการเพิ่มยอดขายในปี 2023 ผู้ผลิตจึงจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ที่เหนือชั้นและต้องมีเครื่องมือการวิเคราะห์ข้อมูลแบบอัตโนมัติเพื่อช่วยในการประเมินประสิทธิภาพ—ผู้ผลิตที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในปี 2022 ได้จัดตั้งทีมสร้างกลยุทธ์เพื่อการกำหนดราคาทั่วโลกและนำมาปรับใช้กับตลาดในระดับท้องถิ่น อีกทั้งยังมีการติดตามประสิทธิภาพของการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
3. คิดค้นผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ
การวิจัยได้แสดงให้เห็นแล้วว่านวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนหลักทางการเติบโตของธุรกิจ ธุรกิจใดๆ ก็ตามที่ไม่มีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จึงมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะถูกลืม — ในวงการธุรกิจค้าปลีกนั้นมักเผชิญกับปัญหาที่เกี่ยวกับซัพพลายเชน, การมีสินค้าหลักที่พร้อมจำหน่ายในตลาดอยู่เสมอเป็นสิ่งที่สำคัญมากในอันดับต้นๆ จนลืมไปว่าการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่มีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ออกมาสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่องท่ามกลางช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ จะเห็นได้ว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจและยอดขายรวมถึงส่วนแบ่งทางการตลาดมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้มีแนวทางปฏิบัติที่บริษัทต่างๆ สามารถทำได้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแผนการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ของพวกเขาต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอขนาดบรรจุภัณฑ์ใหม่, ความสามารถในการใช้งานหรือโอกาสในการใช้งาน เป็นต้น
ประเด็นสำคัญคือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างรวดเร็วนั้นจะเป็นกุญแจนำคุณไปสู่ความสำเร็จในปี 2023
4. ปรับปรุงการจัดประเภทสินค้าเพื่อรองรับการเปลี่ยนร้านค้า
ในปี 2022 ผู้บริโภคจำนวนมากยังคงมีการเปลี่ยนร้านค้า เนื่องจากพฤติกรรมการเดินทางที่เปลียนไปหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิดหรือเพื่อค้นหาข้อเสนอที่ดีที่สุด
ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าในระแวกใกล้บ้านหรือกําลังมองหาราคาที่ต่ำที่สุดในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย พวกเขาจะพบกับรูปแบบร้านค้าและการจัดประเภทสินค้าที่แตกต่างกันไป ในปี 2022 แบรนด์ที่ชาญฉลาดอาจได้ใช้ประโยชน์จากการที่ผู้บริโภคเปลี่ยนร้านค้าเพื่อเริ่มต้นการจัดประเภทสินค้าของตนใหม่อีกครั้ง ผู้ซื้อจำนวนมากต่างมองหาราคาสินค้าที่ดีที่สุดและเต็มใจที่จะละทิ้งความภักดีต่อแบรนด์และเลือกซื้อสินค้าทดแทนที่มีราคาไม่แพง
ผู้ค้าปลีกสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อประเมินการจัดประเภทสินค้าและรูปแบบร้านค้าของตนอีกครั้งเพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้
5. ลงทุนด้านทรัพยากรเชิงกลยุทธ์
ด้วยแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในปี 2022 ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก CPG จึงจำเป็นต้องมีข้อมูลเชิงลึกในการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับปี 2023
แม้ว่าธุรกิจส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะลงทุนในข้อมูล แต่การเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมและประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตามเครื่องมือที่เหมาะสมนั้นสามารถช่วยผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก CPG วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็วและกำหนดขั้นตอนการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบในการแข่งขัน แบรนด์และผู้ค้าที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่นั้นใช้เครื่องมือวิเคราะห์แบบอัตโนมัติเพื่อสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภค, ระบุสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมเหตุผลและกำหนดแผนการสําหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป